กลยุทธ์การตลาดสำหรับคลินิกทันตกรรม
ยุคนี้ แทบทุกคนเลือกและเปรียบเทียบสินค้าและบริการผ่าน Google ซึ่งส่วนนี้ เป็นส่วนสำคัญมากในการตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการ ลองนึกถึงตัวท่านเองก็ได้ เช่น จะพาพ่อแม่ไปทานข้าวเลี้ยงวันเกิด แล้วอยากหาร้านอาหารจีนดีๆ ที่ไม่เคยไป …. เราหาจาก google เราจะเปลี่ยนรถยนต์ ก็สืบราคาขายรถ และดูข้อมูลรถใหม่ ก็ผ่าน google เราจะไปเที่ยว จะจองโรงแรมและดูสถานที่เที่ยวในวันหยุด ก็ google อีก รร ไหนดีไม่ดี เต็มไม่เต็ม ราคาเท่าไหร่เช็คได้หมด เด็ก ป.ปลาย ขี้เกียจทำการบ้าน
คนส่วนมาก (คนไข้) จะกลัวและเกรงใจหมอฟัน ยกตัวอย่าง เวลาหมอถามคนไข้ “มีอะไรสงสัย หรืออยากจะถามหมอไหม…?” คนไข้ส่วนใหญ่ มักจะตอบว่า “ไม่มีคับ ค่ะ” แต่พอเดินออกไปพบผู้ช่วยและเคาเตอร์เท่านั้นแหละ …. ถามแหลก เป็นครึ่งชั่วโมง คนไทยส่วนใหญ่อายหมอ เกรงใจ ยำเกรง และไม่ค่อยกล้าคุยด้วย ถ้าคนไข้เป็นผู้หญิงเด็กๆ เจอหมอผู้ชายยิ่งอาย โจทย์คือ กำแพงความกังวล ความอาย ความไม่กล้าคุย จะถูกทำลายได้อย่างไร ? จริงๆในฐานะผู้ให้บริการ มันคือหน้าที่เราที่ต้องทำลายกำแพงนะคับ
สำหรับหมอฟันที่กำลังจะออกแบบ ถ้าจะออกแบบคลินิก แล้วไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองนึกถึงหลักพื้นฐานง่ายๆ ได้แก่ 3 ส. สะอาด สว่าง สบาย สะอาด คงไม่มีใครปฎิเสธ ว่าไม่สำคัญ แต่คำว่าสะอาด มันไม่ได้จำกัดในเรื่อง sterile อุปกรณ์เท่านั้นนะ เช่น ถ้าเราเป็นคลินิกที่ต้องถอดรองเท้าเพื่อเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ รองเท้าเหล่านั้น สะอาด น่าสวมใส่ น่าใช้ไหม ? หรือสัมผัสเท้าใครต่อใครไม่รู้มาเป็นเดือนๆ ดำปี๋…. เปิดมานั่งในคลินิก กลิ่นของคลินิกมีไหม