ทำไมมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ และล้มเหลวจากการร่วมหุ้นเพื่อเปิดคลินิกทันตกรรม
ภาค 1 ข้อดี
1.มีคนช่วยลงเงิน
เงินลงทุนเราแชร์กันได้ โดยไม่ต้องไปกู้ธนาคาร
หลายคนมองประเด็นนี้ ทำให้จากเดินมีปัญญาเปิดได้
แต่ถ้าจะเปิดเพียงเป็นคลินิ
2.ช่วยงานกันเฝ้า
หลายคนย่อมมีหลายมือ หลายแรง
คลินิกต้องมีคนเฝ้า การหุ้นกันหลายคนหวังว่า partner ตัวเองจะสามารถหมุนเวียนเสี
และน่าจะช่วยลดปัญหาการหาหม
3.ได้คนที่มี skill ที่หลากหลายมาช่วยกัน
แต่ละคนอาจจะมี skill ที่หลากหลาย ทำให้รวมพลังและความสามารถ รวมไปถึง connection เช่น ซื้อของได้ถูก เป็นต้น ทำให้เรารู้สึกว่ามีความสามารถและ connection ที่หลากหลาย
4.มี Team ที่พร้อมสู้กับคู่แข่ง
ฟังดูแล้ว ในแง่มุมของการแข่งขัน การมี Team น่าจะสร้างความเข้มแข็งและข้อได้เปรียบกว่าคลินิกที่มี
ภาค 2 ปัญหา
1.ปัญหาเวลามีกำไร
ยกตัวอย่าง….. ได้กำไรแล้วจะทำยังไง ?
มีเงินไม่ใช่จะไม่มีปัญหานะ เพราะเงินนั้นสามารถเอาไปทำ
บางคนอยากปันผล เพื่อจะได้ทะยอยได้ทุนคืน แต่บางคนอยากเอาไว้ลงทุนเพิ่ม ความเห็นที่แตกต่างมักนำพาไปสู่ความขัดแย้งอย่างนึกไม่ถึง
2.อารมณ์เมื่อขาดทุน
ขาดทุนนี่เป็นปัญหาหนัก เพราะต้องช่วยกันควักเงิน บางคนก็งอแงบ่นไม่น่าหุ้นเล
ขาดทุนนี่คือสภาวะที่แย่ที่
จะเปิดคลินิกมาทำไมละ ถ้าต้องมาขาดทุน ??
3.ทุกคนเสียสละเพื่อคลินิกได้จริงหรือไม่ ?
ในวันที่ไม่มีหมอ หรือหามือปืนไม่ได้ คลินิกขาดคนลงเวร แต่ละตนยอมเฝ้าจริงๆหรือ ? หรือเกี่ยงกัน .?
เพราะถ้าคลินิกไม่สามารถดึง
ยิ่งถ้าหุ้นส่วนคนนั้นเป็น spec ที่เกี่ยงงาน ยิ่งแย่ไปใหญ่
4.ทำยังไงในกรณีมีหลายความเห็น ?
ทุกอย่างทะเลาะกันได้หมด เอาแค่อยากได้สีคลินิกคนละสีก็ไปไม่เป็นแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าแต่ละคนมีไอเดียบรรเจิด หรือ มีความคิดเป็นของตัวเองที่แ
5.วันที่จากลา จะทำอย่างไร ?
สมมุติ มีคนอยากถอนหุ้นออก คลินิกมีมาตรการใด .?
คืนได้ในอัตราเดิมที่ลงทุน ? ได้มากขึ้น หรือลดลง ? (จากที่ลงทุนไป) หรือไม่มีมาตรการใดเลย ? ห้ามถอนทุนออก ?
6.รู้จักหุ้นส่วนคุณแค่ไหน ?
แน่ใจไหมว่าคนที่หุ้นเป็นคน
มากคนนั้นย่อมมากความ ถ้าไม่เป็น teamwork การรวมตัวจะกลายเป็น”จุดอ่อ
ยิ่งรวมตัว ยิ่งอ่อนแอ ? ยิ่งคนเยอะยิ่งแย่ ?
แบบนี้ สู้เปิดเป็นเจ้าของเดียวไม่
ภาค 3 การป้องกัรและแก้ไข
หลายคนคงกังวลว่าการหุ้นนี่
1.ตีแตกนิสัยของผู้ร่วมหุ้น
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับกา
ถ้าไม่มั่นใจกับหุ้นส่วน ควรตัดสินใจไม่หุ้นกันเลยจะ
บางคนหุ้นกับเพื่อนหมอฟัน เพื่อนรุ่นเดียวกัน เพราะคิดว่ารู้จักและสนิทกั
เพราะความสัมพันธ์ของเพื่อน
นิสัยของผู้ร่วมหุ้นผมให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 เสมือนกันติดกระดุมกระดุมเสื้อ
เพราะถ้าติดผิดเม็ด เม็ดต่อๆไปก็ผิดหมด สุดท้ายก็ต้องแกะและติดใหม่ ไม่สามารถแก้ไขระหว่างทางได้
2.ร่างข้อตกลงร่วมกัน ( Agreement )
คำพูดและใจคนมันเปลี่ยนได้ ต่ถ้าจดไว้เป็นสัญญา หรือ ข้อตกลงร่วมกันจะเปลี่ยนไม่
ผมว่าหมอส่วนใหญ่คิดไม่ถึง
ไอ้ประเภท “ไม่ต้องเซนต์อะไรหรอก เราต้องเชื่อใจกัน” สุดท้ายก็เป็นช่องทางให้โกง
ก็ไอ้คนขี้โกงทั้งหลาย ปากเขามักจะพูดตลอดว่าให้ไว้ใจและเชื่อใจ …. ใช่ไหมครับ แต่เขามักไม่ทำอะไรให้ชัดเจ
ในทางจิตวิทยา การที่ใครสักคนอิดออดที่จะเ
3.สร้างกฎ กติกา และวิสัยทัศน์
กฎ กติกา และนโยบายของคลินิกคุณคืออะ
เช่น เน้นเปิดสาขาใหม่ จะนำกำไรเก็บไว้ต่อยอดและลง
หรือ ไม่เปิดใหม่ แต่เน้นทำกำไรแล้วปันผล ?และอะไรอีกหลายๆเรื่อง
นโยบาย นี่อาจจะเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม แต่จำเป็นจะต้องมีกรอบเพื่อ
นโยบายขององค์กรเหมือนเข็มทิศที่จะชี้ทางไปหรือจุดหมาย การไม่มีนโยบาลหรือวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จะทำให้คนในองค์กรงงกับการทำงานได้ง่ายๆ
4.ร่างโครงสร้างขององค์กร
การบริหารจะต้องชัดเจนในโคร
การทำงานส่วนที่เป็นปัญหาบ่อยๆคือ “ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง” การมีกรอบและอำนาจที่ชัดเจนจะแก้ไขปัญหานี้
5.มีความรัก และสามัคคี ที่เป็น Teamwork จริงๆ
ทุกหุ้นส่วน…รักคลินิกไหม
หรือเป็นแค่ธุรกิจ ที่มีไว้ทำเงิน ? มันต่างกันมากนะครับ
จบครับ ยินดีตอบทุกความเห็นครับ
0 Comments