ความมั่นใจในการมาใช้บริการของคนไข้ในธุรกิจทันตกรรม ช่วงครึ่งหลังปี 2021 (พฤษภาคม – ธันวาคม 2564)

Posted on

ความมั่นใจในการมาใช้บริการของคนไข้ในธุรกิจทันตกรรม ในช่วงครึ่งหลังปี 2021 (พฤษภาคม – ธันวาคม 2564)

คลินิกทันตกรรมหลายแห่งยอดขายตก จำนวนคนไข้ใหม่ลด คนไข้เก่าไม่กลับมาทำฟัน และท่านใดที่กำลังจะเปิดคลินิกจะต้องวางแผนความพร้อมให้รัดกุม บทวิเคราะห์ขนาดย่ออันนี้น่าจะช่วยเป็นแนวทางให้ท่านที่กำลังมีคลินิกและกำลังจะเปิดเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจในสภาวะวิกฤตินี้

ความมั่นใจในเรื่องสุขภาพ/ความปลอดภัยของคนไข้

ตอนนี้คนไข้ทุกคลินิกน้อยลงแน่นอน สังเกตได้ว่าคนไข้ที่กลัวโควิดมากๆ เลือกที่จะเลื่อนนัดออกไป หรือชะลอการรักษาในส่วนนี้เฉลี่ยราว 20-30%

Screen Shot 2564-05-05 at 07.32.36

ส่วนคนไข้ที่ไม่กลัวโควิดมากนัก และยังมั่นใจในคลินิกและตัวหมอ อาจจะยังมาอยู่

และมีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่กลัวอะไรเลยอาจจะมาใช้บริการตามเดิม

คำถามสำคัญคือ ความมั่นใจของคนไข้จะกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไหร่ ?

อยากเล่าประสบการณ์ล่าสุดของผมเอง (หมอมด) วันที่ 4 พฤษภาคม 64 ผมเพิ่งทำฟันให้คนไข้ประจำของผมท่านหนึ่ง เป็นผู้สูงอายุ 65 ปี ผมถามเขาว่ากลัวโควิดไหม ? เขาบอกกลัวน้อยลงแล้วเพราะเขาเพิ่งได้ AZ ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้ก็มานัดหมายมาเพื่อทำครอบฟัน (ครอบฟันเก่าแตก)

ผมมองว่าความมั่นใจของผู้มาใช้บริการจะเต็ม 100% หรือ กลับมาเหมือนเดิม ในวันที่เขาฉีดวัคซีนแล้ว อย่างน้อย 1 เข็ม 

Screen Shot 2564-05-05 at 07.37.44

ปัจจัยนี้สำคัญสุดที่จะทำให้คนไข้เกิดความมั่นใจในการมาใช้บริการ เพราะเขาย่อมรู้สึกปลอดภัยจากโควิดมากกว่าการจัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัว

ความรู้สึกของคนไข้จากวัคซีนสูงยิ่งกว่ามาตรการความสะอาดของคลินิกทันตกรรมทุกอย่าง  เช่น  การใช้ UV ฉายฆ่าเชื้อ ใส่ PPE หรือทำ fresh แอร์เพิ่ม ACH ฯลฯ

ตราบใดที่คนไข้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน (ที่ดี) ความมั่นใจที่จะมาใช้บริการก็ยากที่จะกลับมาระดับเดิม และความมั่นใจจะแกว่งไปตามปัจจัยรายวัน โดยเฉพาะข่าวในโซเชี่ยวมีเดีย 

ตามแผน สิงหาคมเป็นต้นไปผู้สูงอายุจะเริ่มได้ฉีดกันครบแล้ว และจะเป็นคนไข้กลุ่มแรกๆที่กลับมาทำฟันแบบมั่นใจ ส่วนคนไข้วัยทำงานก็จะเป็นราวปลายปีจนถึงสิ้นปี 

ความมั่นใจเรื่องเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจรอบนี้ มันแย่ลงจากปีที่แล้วแน่นอน แรงงานถูกเลิกจ้าง รายรับน้อยลง กำลังซื้อหด คนชะลอการใช้เงินก้อนใหญ่ และถ้าเป็นคนไข้ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสุขภาพฟันอีกก็คงยากที่จะหวังที่จะเห็นเขามาใช้บริการที่คลินิกในระยะนี้

ส่วนใหญ่ฝั่งนักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นชัดเจนปีหน้า ซึ่งปีนี้เรายังไม่เห็นอะไรมากนัก เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกับปัจจัยที่เพิ่งกล่าวมาเรื่องความกังวลจากการติดโควิด เป็นไปได้ที่คลินิกรายได้ลดลง 20-50% ในช่วงเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคมนี้

ณ วันนี้หลายคลินิกก็ได้รับผลกระทบเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ถ้าคลินิกมีกลยุทธ์การตลาดที่ดีอาจจะรอด เช่น มี CRM ที่ดี รักษาฐานคนไข้เก่าไว้เหนียวแน่น มีกลุ่มคนไข้ที่มีฐานะในมือ และกลุ่มที่อาจจะได้รับผลกระทบจากโควิดน้อย

อย่าลืมว่าไม่ใช่คนไข้ทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเรื่องโควิดเต็มๆ ยังมีหลายอาชีพที่ไปได้และยังไปได้ดี  

สรุป การกลับสู่สภาพเดิมของธุรกิจทันตกรรม คือเมื่อไหร่ ?

พฤษภาคม ถึง สิงหาคม นี้ยังเป็นช่วงถดถอยและเป็นช่วงที่ยังถือว่าเป็นวิกฤติที่สุดช่วงหนึ่งของการเกิดโรคระบาด

ตราบใดคนไทยเรายังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่บนวัคซีนที่มีคุณภาพสูง การแพร่ระบาดก็จะดำเนินต่อไป การล้อคดาวน์และจำกัดกิจกรรมทางสังคมจะวนเวียนหยุดๆเปิดๆเหมือนเดิม เพราะจะเห็นว่าเสี่ยงเกินไปถ้าคลายการล้อคดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจมันพังพินาศอย่างที่เห็น

ทั้งนี้ คนไข้ที่เริ่มฉีดวัคซีนแล้วในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ผมคิดว่ากลุ่มนี้จะกล้าทำฟันเหมือนเดิม (ซึ่งคือผู้สูงอายุ) 

ส่วนวัยรุ่ย วัยทำงาน จะได้รับวัคซีนกันยายน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าติดเชื้อไปเรียบร้อยหรือยังหรือ ณ เวลานั้น

ภาพของธุรกิจคลินิกทันตกรรมจะเริ่มเข้าสู่การฟื้นตัวตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นไป และยังคงเจ็บหนักอยู่ตลอดช่วงพฤษภาคมถึงสิงหาคมนี้

ทั้งนี้ ต้องระวังปัจจัยที่ไม่คาดฝัน เช่น การระบาดที่รุนแรงลุกลาม การกลายพันธุ์ทำให้วัคซีนที่ฉีดไม่ได้ผล หรือปัจจัยทางการเมืองที่ซ้ำซาก เช่น รัฐประหาร

แนวทางการบริหารจัดการ และการตลาดสำหรับคลินิกทันตกรรมที่เปิดแล้ว

  1. โอกาสที่คุณหมอและผู้ช่วยทันตแพทย์จะติดจากคนไข้นั้นไม่สูงถ้ามีมาตรการป้องกันที่ดี โดยเฉพาะการใช้ High power suction ร่วมกับการป้องกันหลายๆอย่าง คลินิกจะต้องมีอุปกรณ์การป้องกันที่เหมาะสมถ้าต้องการทำหัตถการในสภาวะนี้
  2. ค่าเสียโอกาสที่แพงที่สุดในช่วงนี้คือคลินิกตนเองกลายเป็น Cluster ขนาดเล็กที่พนักงานในคลินิกติดกันเอง ซึ่งอาจต้องทำให้ปิดคลินิกชั่วคราว หรือ กำลังคนของคลินิกลดน้อยลงจนดำเนินการยาก การควบคุมพนักงานให้ไม่ติดเชื้อจนถึงวันที่ได้รับวัคซีนจึงสำคัญมาก
  3. ทำ CRM เป็นหลัก เน้นการติดต่อสื่อสารกับคนไข้เก่า
  4. การ Work from Home และการ lockdown ประชาชนจะใช้เวลาบนมือถือและโลกออนไลน์มากขึ้น 125% ในส่วนนี้จะมองว่าเป็นปัจจัยบวกในทางธุรกิจสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ก็ได้

แนวทางสำหรับคุณหมอที่อยากวางแผนเปิดคลินิก

  1. เป็นไปได้ที่จะมีคลินิกประกาศเซ้ง/ขาย มากขึ้น ทั้งนี้จะต้องประเมินให้ขาดว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะบางย่านจะยังไม่ฟื้นในปีนี้แน่นอน เช่น พัทยาและแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ เช่น สมุย ภูเก็ต
  2. ทำเล หรือ ตึกว่างจะมีติดประกาศให้เช่าเยอะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จึงเหมาะแก่การเลือกทำเลเพื่อเช่าหรือแม้แต่ซื้อ
  3. ด้านการลงทุน แนะนำเน้นเงินสดมากกว่าเงินกู้ เพราะการคืนทุน (Berak even) ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จะทำได้ยาก และในการยื่นกู้เงินเพื่อทำธุรกิจจะได้รับอนุมัติยากจากธนาคารในช่วงนี้
  4. คลินิกควรมีความพร้อมด้านการตลาด เพราะความเสี่ยงในการเปิดคลินิกใหม่มีสูง

 

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง และรอดพ้นจากภัยต่างๆนะครับ

Stay Safe

หมอมด

72109820_2485694344879676_195799570385469440_n

  • Share

0 Comments

Leave a comment

Your email address will not be published.