ถ้าคุณเป็นหมอฟัน หรือ ผู้ที่จะลงทุนในสายธุรกิจทันตกรรม (คลินิกทำฟัน) สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดสะกิดใจในช่วงคิดวางแผนคือ ธุรกิจมัน มันอิ่มตัว หรือยัง
ธุรกิจทำฟัน หรือ ทันตกรรมนี้ อิ่มตัว แล้วหรือยัง ??
ตอนนี้ อยู่ในช่วงขาขึ้น หรือ ขาลง ?
สมควรไหมที่จะเปิดคลินิกทันตกรรม ณ เวลานี้ (Timing)
การที่จะตอบคำถามนี้ มีความจำเป็นต้องไล่เรียงที่มาที่ไหน ปัจจัยต่างๆ เพื่อจะตอบคำถามข้างต้น ผมจะใช้วิธีถามย้อนเพื่อจะมาสรุปคำถาม โดยไล่เรียงเป็นข้อๆ เป็นลำดับไปนะครับ
1.ธุรกิจทันตกรรม อิ่มตัว หรือยัง .. ว่าแต่ … อิ่มตัว คืออะไร ?
ธุรกิจที่อิ่มตัวแล้ว พูดให้เข้าใจง่าย คือ เป็นธุรกิจที่มีนักลงทุนในสายนั้นมีจำนวนเยอะมาก มีการแข่งขันสูง Demand (ความต้องการของลูกค้า) เทียบแล้วน้อยกว่า Supply (คนขาย หรือ ผู้ให้บริการ) ในสภาวะเช่นนี้ ด้วยการแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด มักจะมีการใช้สงครามราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ส่งผลให้กำไร (Margin) น้อยลง
เมื่อกำไรน้อยลง จะเริ่มไม่ค่อยน่าลงทุนแล้ว เช่น ธุรกิจ A ผลตอบแทนในยุคแรกๆที่คู่แข่งน้อย เท่ากับ 50% หรือ ยอดขาย 100 บาท เป็นกำไรซะ 50 บาท เมื่อมีคู่แข่งใหม่ๆโผล่มาในตลาด ย่อมเกิดการแย่งลูกค้ากัน และกำไรจะลดน้อยลงๆ
ถ้าน้อยลงเป็น 30-40% ก็ยังถือว่าน่าลงทุน จะเหนื่อย จะเครียด จะต้องใช้ความพยายาม เวลา และแรงงานแค่ไหนถ้ายังเห็นกำไรเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ยังกัดฟันไปต่อได้
แล้วถ้ากำไรลดลงเรื่อยๆ เหลือ 10 % จะยังน่าลงทุนไหม ??
ลองนึกง่ายๆ ถ้าต้องใช้เงินทุน 1 ล้านบาท เพื่อให้ได้กำไร 10% หรือ 1 แสนบาทใน 1 ปี คุณว่าคุ้มไหม ?
คือเราจะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยคุ้มแล้ว แล้วถ้าลดลงเหลือ 3-5% ยิ่งโคตรไม่น่าลงทุน เพราะผลตอบแทนใกล้เคียงกับการซื้อธนบัตร หรือกองทุน (ซึ่งเราไม่ต้องออกแรง และไม่ต้องแบกความเสี่ยงใดๆเลย)
อย่างบางคนที่เล่นหุ้นเก่งๆ ได้กำไรปีละ 15-20% จะไม่ค่อยอยากทำงานประจำ ๕๕๕๕๕ เพราะ Margin ที่ได้มันเพียงพอที่จะเลี้ยงตัวได้ทั้งปี (ถ้าเงินต้นเยอะ)
คำว่าธุรกิจอิ่มตัว อาจกล่าวได้ว่าเป็นลักษณะของธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ฟาดพันกันจนมีกำไรบางเฉียบ โดยมากเราจะพบเห็นได้ทั่วไปในธุรกิจที่มี barriers to entry ต่ำ (แหม ศัพท์ใหม่)
มามะ รู้จักคำนี้กันสักหน่อยนะ สำคัญเหมือนกัน
barriers to entry ต่ำ
ลองจินตนาการตามผมนะครับ
คุณว่าจำนวนคู่แข่งในทางธุรกิจ ในธุรกิจต่ำที่สุด
- ร้านกาแฟ
- ร้านข้าวมันไก่
- ร้านนวดแผนโบราณ
- อาบ อบ นวด
- คลินิกทำฟัน
- โรงพยาบาลเอกชน
- อู่สร้างเรือยอร์ช
ในบรรดาธุรกิจข้างต้น ร้านกาแฟจะมีจำนวนมากที่สุด หรือ คู่แข่งมากที่สุด เป็นเพราะอะไรเอ่ย ?
ใช่แล้ว…มันไม่ได้ยากอะไรนักหนากับการเปิดร้านกาแฟ มีเครื่องชงสักเครื่อง เช่าที่สักคอก ไปลงคอร์สเรียนสักวัน (หลายที่ขายเครื่องกาแฟพร้อมกับสอนทำเบ็ดเสร็จ) และการเปิดร้านกาแฟก็ไม่มีอุปสรรคหรือข้อจำกัด ไม่ต้องเรียนหนังสือก็เปิดได้ ไม่ต้องเป็นคนไทยก็ได้ คือ เป็นใครที่ไหนก็ได้ ขอแค่หาเงินลงทุนมาสักหน่อยก็เปิดได้แล้ว
ซึ่งไม่ต่างอะไรจากร้านขายเสื้อผ้า มันจึงมีธุรกิจง่ายๆแบบนี้เต็มไปหมด ก็มัน Starp up ง่ายนิ
ร้านข้าวมันไก่ เริ่มซับซ้อน เพราะมันเรื่องของการทำอาหารเข้ามา (กาแฟง่ายกว่า) แต่โดยรวมการจะเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ก็ไม่ยากนะ ทำให้มีร้านข้าวมันไก่เยอะ มีทุกหมู่บ้าน ทั่วประเทศไทย
ร้านนวด เริ่มยากขึ้น เพราะต้องใช้คนที่มี Skill นวดมั่วๆไม่เวริ์ค
อาบอบนวด ต้องมีใบอนุญาติ ราคาแพงมากๆด้วย
คลินิกทำฟันเปิดง่ายๆไหม ? ก็ไม่ใช่ว่าใครจะเปิดได้นะครับ มันก็ต้องมีความรู้ทางด้านทันตกรรม และมีหมอฟันเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย
โรงพยาบาลเอกชน เปิดยากกว่าคลินิกหลายประการ ไหนจะเรื่องตัวกฎหมาย เงินลงทุน กับบุคลากรมากมายมหาศาล
อู่ต่อเรือยอร์ช ในประเทศไทยน่าจะมีไม่กี่แห่ง แล้วคุณคิดว่าใครหน้าไหน จู่ๆจะมาเปิดอู่สร้างเรือง่ายๆๆไหมครับ ? ผมว่าโคตรยากอะ
พอจะเห็นภาพคำว่า barriers for entry ไหมครับ อย่างร้านกาแฟกับร้านข้าวมันไก่ เป็นธุรกิจที่ low barriers for entry (ใครๆก็เข้ามาทำธุรกิจชนิดนี้ได้) เพราะฉะนั้นคู่แข่งใหมๆจึงฝุดขึ้นง่ายมาก แล้วถึงจุดหนึ่งมันจะดึง Margin ให้ต่ำลง ( Margin ไม่ได้หมายถึงราคากำไรต่อแก้ว แต่หมายถึงกำไรโดยรวมของตัวธุรกิจในทางบัญชี)
คลินิกทันตกรรม ถือว่าเป็นธุรกิจประเภท High barriers for entry (เย้) คือ คู่แข่งก็จะมีแต่หมอๆด้วยกันนั่นและ พวกวิศวะ สถาปัตย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจู่ๆจะมาเปิดคลินิกมันเป็นไปไม่ได้
กลับมาที่เรื่อง การอิ่มตัวทางธุรกิจนะครับ
คือ ธุรกิจที่มี Low barriers for entry จะมีแนวโน้มอิ่มตัวเร็ว อะไรที่ไม่มี Barrier จะมีคู่แข่งโคตรง่าย เช่นร้านบิงชูที่ฝุดขึ้นมากมายตอนนี้ หรือร้านขนมหวานประเภทฮันนี่โทส อะไรเทือกนั้น
2.ถ้าจะฟันธงว่าธุรกิจนั้นอิ่มตัวแล้ว อะไรที่จะมาบ่งบอกว่า อิ่มตัวแล้ว ?
อิ่มตัวหรือไม่ อย่างที่กล่าววมา เราสังเกตได้คร่าวๆจากสามตัวชี้วัดครับ
- Supply มากกว่า Demand หรือยัง
- Margin ของธุรกิจนั้น สูงหรือ ต่ำ
- เป็นธุรกิจที่ High barriers for entry หรือไม่
อ่าว…. แล้ว ถ้าในตลาด มีคู่แข่งเพียบๆๆๆๆ เลยละ ถือว่าอิ่มตัวไหม ??
คำตอบคือ จำนวนคู่แข่ง ถึงจะเยอะก็ช่างหัวมันซิครับ เยอะก็เยอะไป ตราบใดที่ Margin ยังโอเค รับได้ ลงทุนแล้วคุ้มค่า และธุรกิจที่ทำอยู่มี Barrier ก็ยังไม่ถือว่าอิ่มตัว
ยกตัวอย่างเคสสักเคสนะครับ
เคสร้านขายยา
เชื่อไหมครับ ว่าสมัยก่อน ร้านขายยามีการจำกัดจำนวน
คือในหนึ่งเขต จะมีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าอนุญาติให้มีร้านขายยยาได้ไม่เกินกี่ร้าน ฟังดูละเป็นไงครับ ใครเปิดร้านขายยาในยุคโน่นเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่ยังมีกฎหมายที่ว่าอยู่จึงรวยเละ รายรับวันละ 5 หมื่นอัพเป็นเรื่องธรรมดามากๆ
ด้วยการจำกัดจำนวนร้านขายยา ทำให้เป็น High barriers for entry สุดๆ แต่ก็ไม่นานนัก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
มีการฟ้องร้องให้กฎหมายข้อนี้ตกไป เพราะเป็นการกีดกันการค้าเสรี ทำให้มีร้านขายยาฝุดขึ้นเป็นดอกเห็ด รายรับงามๆก็ดรอปลงไป ดึงให้กำไรของร้านขายยาหายไปด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับวงการขายยา คือ จาก High barriers for entry กลายเป็น low barriers for entry จำนวนเภสัชกรก็เยอะ การเกิดใหม่ของร้านขายยาก็มหาศาล ร้านเฟรนชายที่มีต้นทุนยาต่ำๆก็มาตีแตกร้านขายยาทั่วไปจนกระเจง
เพราะฉะนั้น ถ้าธุรกิจเป็นกลุ่ม low barriers for entry แต่ margin ยังโอเคอยู่ ก็อาจจะประเมินว่ายังไม่อิ่มตัว แต่ๆๆๆๆ low barriers for entry มีความเสี่ยงที่จะอิ่มตัวเร็วกว่าธุรกิจ high barriers for entry แน่นอน
3.สรุปแล้ว ธุรกิจทันตกรรม อิ่มตัวหรือเปล่า ?
อิ่มตัวหรือไม่ ก็อาจจะต้องถามๆคลินิกส่วนใหญ่ดูว่า Margin ของธุรกิจโดยรวมโอเคกันไหม ?
คู่แข่งคลินิกทันตกรรมใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาแต่ละเดือน แต่ละปี ส่งผลกระทบกับรายรับรวมหรือไม่ ?
รายรับ และ กำไรของคลินิกแต่ละแห่ง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เติบโต คงที่ หรือลดลง ?
อ่า…ผมลืมบอกไปว่า คลินิกทันตกรรม ไม่ถือเป็นธุรกิจ Monopoly นะ (ศัพท์แปลกๆอีกละ)
Monopoly หรือ ผูกขาดทางการค้า
ในบรรดาอาชีพทุกอย่างในโลกนี้ มีอาชีพใด สามารถทำฟันได้แทนหมอฟัน หรือไม่ ?
คำตอบคือไม่ และแม้จะแอบฝึกทำจนได้ แต่กฎหมายก็ไม่รองรับเหมือนหมอฟัน
การทำฟัน ผูกขาดโดยหมอฟัน ในแง่ภาพรวมของการบริการ ธุรกิจเรามีจุดแข็งที่ผูกขาดทางการค้า(บริการ)อยู่นะ จะจัดฟัน ถอนฟัน หรือทำฟันที่ร้านนวด ร้านสิว หรือ คลินิกตามันเป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นคลินิกทันตกรรมเท่านั้น งี้ก็ต้องถือว่า Monopoly อะดิ
แต่ๆๆๆๆๆ ระหว่างคลินิกทันตกรรมด้วยกัน เราไม่ถือว่า Monopoly นะจ๊ะ งงไหม
คลินิกทันตกรรม A B C จนถึง Z สามารถให้บริการทำฟันเหมือนกันทุกอย่าง ไม่มีใครสามารถผูดขาดการรักษาอะไรได้เลย ต่อให้เป็นหมอฟันเฉพาะทางก็ไม่สามารถผูกขาดด้านการรักษาใดไว้ที่ตัวเอง หรือ คลินิกตัวเอง
บางคนอาจจะแย้งว่า งานผ่าตัดที่ต้องเข้า OR เช่นตัดขากรรไกร มันน่าจะถือว่า Monopoly หรือเปล่า เพราะน้อยรายที่จะทำได้ ผมว่าก็ใช่ แต่คงมีคลินิกไม่กี่แห่งที่จะถึงขั้นมี OR แต่ก็ไปชนกับโรงพยาบาลอยู่ดี มันก็ไม่ Monopoly
ถ้า Monopoly ที่ชัดเจน ก็เช่น สินค้าบางอย่างที่จดสิทธิ์บัตรที่ไม่มีใครผลิตมาเทียบเคียงได้ การสัมปนาอะไรที่มีน้อย หรือการยึดครองเทคโนโลยีหือนวัตกรรมบางอย่างที่ยังไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ หรือ แม้แต่การมี skill อะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่มี
4.อ่าว สรุปแล้ว ธุรกิจทันตกรรม มันน่าลงทุนไหมเนี่ย ?
แหม อธิบายมาซะยืดยาว สรุปที่ผ่านๆมาให้เลยละกัน
จุดแข็งของธุรกิจทันตกรรม(เทียบกับธุรกิจสายอื่นๆ) คือ High barriers for entry
ถ้าคุณคิดว่าธุรกิจทันตกรรมนั้นคู่แข่งเยอะ มีคลินิกเปิดเยอะแล้ว …..ผมอยากลองให้คุณหันไปดูธุรกิจในสายอื่นๆที่เป็นกลุ่ม ที่ Low barriers for entry จะพบว่า คู่แข่งเยอะกว่ามากกกกกกกก การแข่งขันสูงกว่ามากกกกกกกก และสัดส่วนของกำไรก็น้อยกว่ามากกกกกกกกกก
5.สรุป ธุรกิจทันตกรรมอิ่มตัวหรือไม่ ตอบได้อะยัง ?
เราไม่สามารถมองธุรกิจทันตกรรมในภาพรวมใหญ่ เพราะแต่ละพื้นที่มีปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ไม่เหมือนกัน
เช่น
- การแข่งขันไม่เท่ากัน
- ความต้องการของลูกค้า Demand
- power of purchasing หรือ กำลังซื้อของลูกค้า
สมมุติ คุณจะไปเปิดคลินิกในย่านหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งมีคลินิกเต็มไปหมดชนิดเยอะกว่าร้านสะดวกซื้อ ลูกค้ากำลังซื้อต่ำ เพราะนักเรียนต้องขอตังค์พ่อแม่ อาหารแต่ละมื้อเป็นมาม่ามากกว่าข้าวสวย พร้อมกับถ้าเราสำรวจดูเห็นคลินิกมีคนไข้หร่อมแหร่ม เปิดๆปิดๆ ขึ้นป้ายประกาศขาย หรือ ทำโปรโมชั่นลดราคาฆ่าตัวตาย ก็เป็นสัญญาณว่าอิ่มตัวใช่ไหมครับ
เราไม่สามารถ วิเคราะห์ภาพรวมของทั่งประเทศได้อย่างแม่นยำ และไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้น และภาพสะท้อนของการอิ่มตัวของคลินิกทันตกรรมในบางย่าน ไม่สามารถเป็นตัวแทนของทั้งประเทศได้
เพราะฉะนั้น อิ่มตัวหรือไม่ อยู่ที่พื้นที่แต่ละแห่ง ด้วย นะ จ๊ะ
เอาจริงๆ มีหลายปัจจัย เช่น ปัจจัยภายนอกอีก แต่ผมเลือกส่วนหลักๆมาคุยวิเคราะห์กัน ไม่งั้นจะยาวเกินไป
6.สมมุติว่า ย่าน W อิ่มตัว….เราไปเปิดแข่ง ก็เจ๊ง ถูกต้องไหม ?
ไม่เชิงซะทีเดียวนะ สมมุติคุณเก่งการตลาด ทำฟันก็เยี่ยม เงินทุนหนา และ support ดี คุณลงไปลุยในย่าน W ที่อิ่มตัว คุณอาจจะดึงคนไข้ส่วนใหญ่ในย่านนั้นมาเป็นของคุณ แบบนี้คุณก็รอดได้ในสนามแข่งขันด้วยการเป็นผู้ชนะ
เพราะธุรกิจคือการแข่งขัน ถ้าคุณเจ๋งกว่า คู่แข่งแม้จะเปิดมานานก็อาจจะแพ้คุณก็ได้ จึงขึ้นอยู่กับว่าคุณมีศักยภาพที่จะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าหรือเปล่า
7.แล้วการไปเปิดในย่านที่คู่แข่งน้อย ดีกว่าไหม?
ไม่ใช่จ้า ถ้าในย่านนั้น power of purchasing ต่ำ คนไข้ก็อาจจะเลือกไปโรงพยาบาลรัฐแทนคลินิกเอกชนนะครับ ๕๕๕
คือ ย่านที่คู่แข่งน้อยอาจจะเป็นย่านที่ไม่มีศักยภาพทางธุรกิจ การที่ไม่มีคู่แข่งหรือมีน้อยมันก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าลูกค้ามีจำนวนน้อยแถมไม่ค่อยมีเงินยิ่งแย่กว่านะครับ
8.สรุปแล้วเปิดคลินิกดีไหมเนี่ย เครียดจัง
ผมว่าย่านที่มีศักยภาพมักจะมาพร้อมกับการแข่งขันที่ดุเดือด การเปิดคลินิกจิ๋วๆประหยัดๆไม่มีความแตกต่างไปจากคลินิกที่มีมาก่อนและทำการตลาดไม่เป็น อาจจะไม่สามารถสร้างความโดดเด่น และแย่งความสนใจจากลูกค้าได้
ไปๆมาๆ ประเด็นว่าอิ่มตัวหรือไม่ อาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่ากับเรามีศักยภาพที่จะเอาชนะคู่แข่งได้แค่ไหน ถ้าเรามีปัญญาจะเอาชนะคู่แข่งสักอย่าง แม้ในย่านที่คู่แข่งเยอะ เราก็อาจจะประสบความสำเร็จได้
แต่จะดีกว่า ถ้าวงจรของธุรกิจยังไม่อิ่มตัว ใช่ไหมครับ เพราะถ้าชนะคู่แข่งได้ แต่ Margin เหลือบางเฉียบ อาจจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
ด้วยมุมมองของผม ธุรกิจทันตกรรมยังไม่อิ่มตัว เรายังมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้ธุรกิจทันตกรรมไปได้หลายปัจจัย (ไว้จะมาแชร์ในบทความอื่นๆต่อ)
ในสำหรับย่านที่ดูเหมือนจะอิ่มตัว ผมว่าผู้ลงทุนต้องทำการบ้านมาดีๆ โดยเฉพาะใช้การตลาดนำและมีเงินทุนค่อนข้างหนา
ยินดีตอบทุกคำถาม และคำติชมนะครับ
0 Comments