ทางออกและทางรอดของ คลินิกทันตกรรม 2017

Posted on

ขอบพระคุณแฟนเพจและแฟนเวปไซด์ที่ติดตามอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ทางธุรกิจทันตกรรมก็มีแผนที่จะส่งมอบความรู้และมุมมองทางการตลาดเป็นพิเศษ (รอติดตามกันนะครับ)

ไม่ว่าจะอีกกี่ปี ผมเชื่อว่าหลายคนก็ยังคงต้องทำงานเหมือนเดิม ก็หมอฟันจะให้ทำอะไรได้มากมายนอกจากการทำฟันใช่ไหมครับ (ฮา)

ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ ก็ต้องบริหารให้ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ พร้อมต่อสู้ฟันฝ่าทุกปัญหาและอุปสรรค

 

หลายคนที่เปิดคลินิกอยู่ และอีกจำนวนมากที่กำลังวางแผนจะเปิด ย่อมมีคำถามว่าอนาคตในปี 2017 จะมีทิศทางใด ?

ต้องระวังอะไรบ้าง ?

ส่วนตัวผมมองว่าโดยรวมเศรษฐกิจขอ ปี 2017 ไม่น่าจะแตกต่างจาก 2016 มากนัก เพราะปัจจัยต่างๆค่อนข้างคล้ายแบบเดิม

 

รัฐบาลเดิม

สถานการณ์โลกเดิม

การลงทุน สภาพคล่องและเงินในกระเป๋าประชาชน ก็เดิมๆ

 

ในฝากของบริษัทใหญ่ๆ ดูมีการระมัดระวังในการลงทุนและค่าใช้จ่าย แต่ก็คงไม่มีความคิดที่จะหยุดนิ่ง คงจะหาทางโตกันต่อไป แต่ไม่ค่อยมีใครคาดหวังว่าจะโตแบบก้าวกระโดด


ในฝากของคลินิกทันตกรรม จะไม่ได้สอดคล้องไปกับเศรษฐกิจโดยรวมที่ค่อนข้างนิ่งๆเฉื่อยๆ อัตราการเกิดใหม่ของคลินิกทันตกรรมน้องใหม่ก็ดูไม่ได้น้อยลง ตรงกันข้ามกลับดูคึกคักและเติบโตดี

ผมไม่มีตัวเลขของสาธารณะสุขที่จะบอกเป็นตัวเลขว่าคลินิกทันตกรรมเราเพิ่มขึ้นมาน้อยแค่ไหน (ถ้าใครทราบแชร์ให้ผมด้วยจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง) แต่สิ่งที่ทำให้ผมทำนายว่าคลินิกมีการเติบโตแน่ๆคือ ยอดขายของบริษัทขายอุปกรณ์ทันตกรรม

 

โดยเฉพาะบริษัทที่ขาย ยูนิต และเครื่องเอ๊กเรย์

 

สองสิ่งนี้ ยอดขายต่อปีเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านๆมาค่อนข้างมาก ผู้แทนและผู้จัดการของฝ่ายขายก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโอเค ไปได้ดี แสดงให้เห็นว่ามีทั้งคลินิกที่กำลังโต (ขยายกิจการ) และคลินิกน้องใหม่เพิ่งเกิด รวมถึงโรงพยาบาลเอกชนที่ขยายขนาดของแผนกทันตกรรม

ส่วนกลุ่มบริษัทขายอุปกรณ์ทันตกรรมก็ได้รับผลกระทบบ้าง แต่โดยรวมถือว่าไม่หนัก อาจจะมีปัจจัยของสินค้าทันตกรรมที่ผลิตจากจีนที่หมอฟันกล้าใช้มากขึ้น (เพราะเขาพัฒนาคุณภาพเรื่อยๆ) ทำให้ยอดขายของแบรนด์ฝั่งอเมริการและยุโรปอาจจะไม่หวือหวา

หมอฟันอาจจะมีซื้อของน้อยลง สต๊อกน้อยลง เช่นอุปกรณ์จัดฟันบางยี่ห้อที่แพงๆ หรือ รากเทียม อาจจะสั่งทีละน้อยๆพอใช้ก็พอ ไม่เน้นสต๊อกไว้เยอะๆ


 

โดยรวมในปี 2017 ผมคาดว่าอัตราการเติบโตของจำนวนคลินิกทันตกรรมจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่มากขึ้นตาม กลยุทธิ์ที่แต่ละคลินิกจะใช้เพื่อสร้างยอดขายก็แล้วแต่วิสัยทัศน์ของเจ้าของธุรกิจ

แต่คลินิกที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้แปลว่ายอดรายรับหรือยอดขายของแต่ละคลินิกจะสูงขึ้นนะครับ

 

การเพิ่มขึ้นของคลินิกนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ บางแห่งในปี 2017 อาจจะไม่มีคลินิกเพิ่มใหม่เลยแม้แต่คลินิกเดียว แต่ตรงกันข้ามกับบางย่าน อาจจะมีคลินิกเปิดใหม่พร้อมๆกันหลายคลินิก

มีทันตแพทย์ที่รู้จักเล่าให้ฟังว่า เขาได้ซื้อตึกเพื่อจะเปิดคลินิกในย่านโรงงานแห่งหนึ่ง ตึกนี้อยู่ในโครงการใหม่ อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ และการจองของตึกนั้นถูกซื้อกันไปอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ตัวเขาเองยังเกือบซื้อไม่ทัน

เมื่อถึงวันส่งมอบตึก เพิ่งจะพบว่า ในโครงกันเดียวกันนั้นมีคลินิกทันตกรรมขึ้นป้ายพร้อมๆกันว่ากำลังจะเปิดเร็วๆนี้ถึงสามคลินิก (ตอนจองเราไม่รู้ว่าใครมาจองและจะทำธุรกิจอะไร)

ผมมองว่าใครเปิดคลินิกในย่านหรือทำเลยอดนิยม จะต้องทำใจกับปริมานคู่แข่งที่มหาศาล และอาจจะต้องคอยรับมือกับการตัดราคาค่าทำฟัน

 

ทั้งนี้ คลินิกที่เพิ่มขึ้น เราจะพบว่ามีคลินิกที่ได้รับผลกระทบมากและน้อยแตกต่างกันไป แยกดังนี้

 

 

คลินิกทันตกรรมที่จะได้รับผลกระทบ”น้อย”จากการเพิ่มตัวของคู่แข่ง

ได้แก่

1.คลินิกที่เปิดมาแล้วระยะหนึ่ง หรือนานแล้ว และมีคนไข้แฟนพันธุ์แท้จำนวนมาก

2.คลินิกทันตกรรมที่มีจุดแข็งเรื่องการตลาด และใช้กลยุทธิ์ที่หลากหลาย (Offline + Online)

3.คลินิกที่บริหารจัดการต้นทุนได้ดี (เป็นตึกของตัวเองที่ไม่ต้องผ่อน สามารถจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ได้ในราคาต่ำ)

4.คลินิกที่พนักงานมีความแข็งแข็ง และจงรักษ์ภักดี

5.คลินิกที่สามารถสร้าง Different อย่างชัดเจน และเป็น Different ที่ลอกเลียนแบบยาก

6.สามารถดึงดูดลูกค้ามาจากต่างถิ่นต่างบริเวณได้

 

 

คลินิกทันตกรรมที่จะได้รับผลกระทบ”มากจากการเพิ่มตัวของคู่แข่ง

ได้แก่

1.คลินิกทันตกรรมที่เปิดใหม่ แต่ไม่สามารถสร้างความโดดเด่นให้คนไข้มาใช้บริการ

2.คลินิกทันตกรรมเก่าแก่ และขาดการ Renovate ใดๆมาหลายสิบปี

3.คลินิกทันตกรรมที่พนักงานมี Turnover Rate สูง ทั้งเคาเตอร์ ผู้ช่วยและทันตแพทย์มือปืน

4.คลินิกที่ไม่ได้ใช้วิธีทางการตลาดมาปรับใช้ในธุรกิจ

5.คลินิกที่ใช้แต่กลยุทธิ์ทำฟันราคาถูก แต่ไม่สามารถสร้างคุณค่าด้านอื่น และไม่มีลูกค้าประจำ

6.คลินิกที่ไม่มี Strength ใดๆใน SWOT Analysis

 

บทสรุป

2017 ย่อมจะเป็นอีกปีที่จำนวนคลินิกทันตกรรมจะเพิ่มมากขึ้นในอัตราที่มากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเก่าหรือคลินิกน้องใหม่ต้องคำนึงถึง Core ของธุรกิจ คือ Value Creation หรือการสร้างคุณค่า ศึกษากลยุทธ์การตลาดอื่นๆบ้างที่ไม่ใช่การลดแหลกแจกแถม คลินิกใดไม่มีคู่แข่งมานาน ปีนี้อาจจะเป็นปีชงที่มีคลินิกที่มีความพร้อมกว่าและโดดเด่นกว่ามาหักล้างกัน ส่วนคลินิกที่จะเปิดใหม่ ถ้าไม่ทำการบ้านมาดีๆก็ใช่ว่าจะรอดง่ายๆโดยเฉพาะย่านคลินิกทะเลเลือด

 

สวัสดีปีใหม่นะครับ

หมอมด

0 Comments

Leave a comment

Your email address will not be published.