ใครกำลังคิดวางแผนอยู่ว่า ….. คลินิกทันตกรรมของเรา…ควรไปในทิศทางไหนดี ? ในวันนี้ และปี 2568 ที่จะถึง….
บทความนี้จะช่วยคุณหมอเจ้าของคลินิกได้แน่นอน ครับ (อย่างน้อยในเบื้องต้น อิอิ)
เนื้อหาในส่วนนี้ คือ บางส่วนที่ผมใช้สอนในหลักสูตร Startup dental clinic ในบทความนี้ผมย่อส่วนในสิ่งที่สอนในคลาสออกมาเป็นเนื้อหาอ่านง่ายๆในโพสเดียว
ส่วนใครอยากได้คำแนะนำแบบใกล้ชิดในแบบปรึกษาส่วนตัวได้ก็มาลงเรียนได้ครับ รอบล่าสุดคือ 20-21 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งผมให้คำปรึกษาใกล้ชิดกับผู้ที่ลองเรียนไปตลอดชีวิต (ก็ไม่ชีวิตคุณหมอก็ชีวิตผมอะครับ อิอิ)
เริ่มกันเลยนะครับ กับ 12 แนวทางเพื่อไปต่อสำหรับคลินิกทันตกรรมที่เปิดมาสักพัก
(จริงๆ มีมากกว่า 12 นะครับ แต่ผมคัดมาแค่นี้ไม่งั้นจะยาวไป)
1.เพิ่มยอดขาย
สมมุติว่าวันนี้ยอดขายของคลินิกอยู่ที่ 1,000,000 บาทต่อเดือน แล้วก็วางแผนง่ายๆ ครับว่าจะทำอย่างไรให้มียอดขายมากขึ้น โดยอาจจะตั้งเป้าเป็น 1,500,000 บาทต่อเดือน
ซึ่งการเพิ่มยอดขายก็ไม่พ้นการวางแผนการตลาด ควบคู่กับการขยายเพื่อการรองรับลูกค้าที่มากขึ้น
ในบรรดาทุกข้อที่จะกล่าวต่อไปนี้ ข้อนี้ผมถือว่าง่ายที่สุด
2.เพิ่มบริการที่ไม่มี
บริการของคลินิกทันตกรรมมีหลายอย่าง และมักเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคลินิกจะเน้นทุกอย่าง โดยมากคลินิกปัจจุบันจะเน้นงานจัดฟัน งานสวยงาม และมีคลินิกเด็กเน้นการทำฟันเด็ก
คุณหมอลองเพิ่มบริการบางอย่างที่เราไม่เคยมีมาก่อน เช่นคุณหมอจัดฟันอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีจัดฟันใส ก็เริ่มเอาบริการนี้มาได้ครับ ถ้าไม่เคยมีวีเนียร์มาก่อน คุณหมอก็เพิ่มบริการนี้ขึ้นมา
หรือถ้ามีแต่ไม่ได้เน้น ก็เริ่มเน้นซะเลยวันนี้โดยเฉพาะบริการที่เป็น trend และ margin สูง
ทั้งนี้การเพิ่มบริการ ก็ควบคู่กับการ เพิ่มความสามารถของตัวคุณหมอเองถ้าคุณหมอเป็นคนทำฟันเองในคลินิก
หรือไม่ก็เราต้องเพิ่มหมอ โดยหมอคนนั้นก็ต้องมีความสามารถในด้านนั้น
3.สร้างระบบ (LEAN & Passive)
หลายคลินิกยังไม่มีระบบที่มีประสิทธิภาพ เราสามารถวิเคราะห์หาจุดอ่อนในคลินิกและสร้างระบบเพื่อปิดจุดอ่อนเหล่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเงินมากขึ้น ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ลดความผิดพลาดในงาน หรือลดจำนวนคน
ที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือ ถ้าคลินิกของคุณยังเป็นระบบกระดาษโอพีดีอยู่ ก็ควรที่จะเปลี่ยนมาเป็นระบบคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ในส่วนนี้คุณหมอจะได้ทุกอย่างที่ผมกล่าวข้างต้น
และการงวางระบบคือส่วนสำคัญถ้าคุณหมออยากจะขยายสาขา ฝรั่งบอก no system no growth นะครับ
4.ขยายคลินิก (เพิ่ม capacity)
คลินิกส่วนใหญ่อยู่ในห้องแถว การที่คลินิกจะขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น เช่นลงยูนิตบนชั้นสองหรือชั้นสามของคลินิกก็ทำได้ไม่ยากนัก
หรือหลายคลินิกที่มีสองห้องแถวอยู่แล้ว และยังมีที่ว่างที่ยังไม่ได้ขยายก็สามารถรีโนเวทคลินิกแล้วก็ขยายได้
การขยายคลินิกไม่ได้ทำให้เกิดเงิน ถ้าไม่ทำการตลาดควบคู่นะครับ
5.ขยายสาขา (ด้วยเงินทุนตัวเอง)
ส่วนตัวผมมองว่าการขยายสาขาไม่ใช่เรื่องยาก
ช่วงแรกถ้าเราจะขยายสาขาที่หนึ่ง หรือ สอง
ซึ่งถ้าคลินิกแรกคุณหมอเปิดแล้วประสบความสำเร็จดีมีเงินทุนหมุนเวียนที่ดี ก็สามารถต่อยอดด้วยการลงทุนขยายสาขา
การขยายสาขาอาจจะเป็นในละแวกที่ไม่ไกลจากที่เดิมมากนัก หรืออาจจะขยายไปไกลคนละจังหวัดหรือแม้แต่คนละภาค
แต่ถ้าคุณหมอเป็นมือใหม่เพิ่งจะหัดเริ่มขยายสาขา ก็ไม่ควรอยู่ไกลเกินเกินไปเพื่อให้สะดวกต่อการบริหารจัดการ
วันไหนที่คุณหมอเริ่มเชี่ยวชาญจะไปเปิดที่ส่วนไหนของประเทศไทยก็ยาก
6.ขยายสาขา (ด้วยการร่วมทุน)
บางทีการขยายสาขาอาจจะไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินเงินทุนของเราเองก็ได้นะ
ในวันที่คลินิกเราเริ่มมีชื่อเสียงและคนรู้จัก ก็อาจจะมีนักลงทุนอยากจะมาร่วมลงทุนกับเรา
แล้วเราก็สามารถนำเม็ดเงินนั้นมาขยายสาขาได้
แต่คุณหมอต้องรับได้ว่าจะมีหุ้นส่วนหรือมีเจ้าของร่วมเพิ่มในธุรกิจของคุณหมอ
7.กลายพันธุ์
การกลายพันธุ์คือการขยายสาขา หรือขยับขยายคลินิกอีกรูปแบบหนึ่งแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองออกไป เช่น จากหนอนเป็นผีเสื้อ
ซึ่งแตกต่างจากการขยายสาขาที่กล่าว มาก่อนที่เป็นการก๊อปปี้
การกลายพันธุ์คือการโมดิฟายด์หรือว่ามีอะไรที่ใหม่
เช่น การรีแบรนด์คลินิกให้หรูขึ้น การเปลี่ยนคลินิกจากคลินิกทันตกรรมเป็นสหคลินิก
หรือแม้แต่สร้างเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ในคลินิก เช่น การสอนจัดฟันหรือสอนรากฟันเทียม ที่เราเริ่มเห็นเยอะขึ้น
8.ทำธุรกิจใหม่บนฐานลูกค้าเดิม
ถ้าคุณหมอเปิดคลินิกมานานแล้วเริ่มมีฐานลูกค้า หลายคนก็อยากจะใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าที่สะสมมายาวนาน
คุณหมอก็อาจจะนึกอยากเปิดคลินิกเสริมความงาม เปิดสปาร้านนวด หรือแม้แต่ร้านกาแฟ และ promote ร้านใหม่นี้ให้กับฐานลูกค้าเก่าของเรา
ซึ่งตามหลักก็น่าจะช่วยทำให้ธุรกิจที่เปิดใหม่นี้เริ่มต้นได้ง่าย คืนทุนไวด้วยต้นทุนของทรัพยากรเก่าที่เราเคยมีของคลินิกทันตกรรม
ทั้งนี้ในเชิงของทฤษฎีฟังดูสวยหรูนะครับ แต่ในทางปฏิบัติมักจะไม่ง่ายอย่างนั้น
9.ทำธุรกิจเดิมบนลูกค้าใหม่
ถ้าการทำธุรกิจใหม่มันยุ่งยากนักก็ทำธุรกิจเดิมก็ได้ครับ ก็เปิดคลินิกทันตกรรมแบบเดิมแหละ
แต่คุณหมอจะเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเท่านั้นเอง
เช่นการโฟกัสคนไข้ต่างชาติ ที่เริ่มมาใช้ชีวิตและอาศัยอยู่ในประเทศไทย หรือแม้แต่การขยายคลินิกไปต่างประเทศ
10.ทำธุรกิจใหม่ไปเลย
ถ้าคุณหมอประสบความสำเร็จกับการบริหารคลินิกและสะสมเงินทองได้จำนวนหนึ่ง บางทีการเลือกไปลงทุนในธุรกิจอื่นก็ไม่เลวนะครับ
คุณหมอหลายคนก็ลงทุนเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่ทำธุรกิจอื่นไปเลยที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่นเปิดคาเฟ่ เปิดสวนสัตว์ หรือแม้แต่โรงแรม
ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าคุณหมอมีความสามารถที่หลากหลาย ลองแตกออกมาทำอย่างอื่นดูบ้างครับ
อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าทำฟันก็ได้นะครับ
แนะนำว่าถ้าจะทำธุรกิจอะไรใหม่ไม่ควรเล่าให้เพื่อนฟังเยอะนะครับ เพราะเวลาเจ๊งจะได้เงียบๆแล้วหายไปไม่อายใครดี อิอิ
11.ขายหุ้น(บางส่วน) ของคลินิก
นับจากวันแรกที่เปิดคลินิกเป็นแค่คลินิกเล็กๆ
จนวันนี้ที่คลินิกเริ่มมีหน้ามีตาเป็นที่รู้จักและมีแบรนด์ อาจจะมีคนอยากมาเป็นเจ้าของร่วมกับเรา มาสะกิดขอซื้อหุ้น
คุณหมออาจจะถือโอกาสนี้เปลี่ยนคลินิกเป็นนิติบุคคล และแบ่งขายหุ้นให้กับนักลงทุนที่สนใจอยากจะมาเป็นเจ้าของร่วมกัน จะทำในตลาดหุ้นหรือนอกตลาดหุ้นก็ได้หลักการก็เหมือนกัน คือ การที่เราแบ่งคลินิกออกเป็นหน่วยลงทุนและขายมันออกไป (พี่อ้วน อดิศร ก็มาแนวนี้)
ถ้านักลงทุนมองแล้วเห็นว่าผลตอบแทนดี มีอนาคต คุ้มค่ากับการลงทุน หรือโอกาสอะไรบางอย่าง ก็อาจจะเป็นที่สนใจอยากมาลงทุนกับคุณหมอก็ได้นะครับ
ทั้งนี้ เวลาเขามาขอร่วมลงทุน เขาลงทุนแต่กับคลินิกที่ดูดี มีแบรนด์ เท่านั้นนะครับ อิอิ งานนี้ต้องแต่งหน้าทาปากกันหน่อยครับ
12.ขายคลินิก (ขายทั้งกิจการ)
ข้อนี้จะคล้ายๆกับการขายหุ้นของคลินิกที่เพิ่งพูดมา
แต่เป็นการขายทั้งกิจการไปเลย
ถึงจุดหนึ่งแล้วคุณหมออาจจะไม่ได้อยากบริหารคลินิกต่อและอยากวางมือเพื่อเกษียณ คุณหมอก็สามารถขายกิจการได้นะ (ถ้ามีคนซื้อ)
การขายก็มีตั้งแต่ขายได้กำไรมาก ได้กำไรน้อย ขายขาดทุน หรือ แม้แต่ขายทิ้ง หรือขายซาก มันก็แล้วแต่สภาพของธุรกิจ
และถ้ากิจการที่คุณหมอสร้างไว้มีระบบมีชื่อเสียงมีแบรนด์ และอยู่ในรูปแบบของนิติบุคคล คุณหมออาจจะขายได้เงินก้อนใหญ่และใช้ชีวิตช่วงปลายอย่างมั่นคงแบบไม่ต้องทำงาน
คุณหมอลองดูนะครับ เผื่อจะใช้เป็นแนวคิดสำหรับปี 2568 ที่จะถึง
ส่วนใครสนใจลงเรียน startup dental clinic รุ่นเดือนมกราคม 2568 ที่จะถึง ก็ทักมาได้เลย
สวัสดีครับ และขอให้โชคดีทุกคน
หมอมด
0 Comments