จัดฟันตายแล้ว (2) การคาดการณ์และการรับมือกับอนาคต วิสัยทัศน์กับบทเรียนน้ำท่วมปี 54

Posted on

จากบทความในภาค 1 ผมได้นำเสนอมุมมองถึงภาพการแข่งขันด้านค่ารักษาบริการที่ดุเดือดมากขึ้น  (ติดตามบทความเด็มได้ที่ –> http://goo.gl/tjN5mA  ) ภาพการแข่งขันจะชัดเจนมากๆในย่านที่มีความนิยมสูง เช่น รอบมหาวิทยาลัย (เช่น รามคำแหง)  ใกล้ห้างสรรพสินค้า (เช่น งานวงค์วาน)  หรือชุมชนที่หนาแน่นและคาดการณ์กันว่าจะเป็น Center ใหม่เช่น บางใหญ่ ในย่านนี้เจ้าของคลินิกจะมีความกังวลใจทุกครั้งที่มีคลินิกคู่แข่งมาเปิดด้วยการลุ้นว่า คลินิกที่เปิดใหม่จะตั้งราคาสินค้าและบริการไว้เท่าใด  ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ประกอบการจะไม่ชอบให้คู่แข่งมา “เล่นราคา”  ในลักษณะ Price War  ในรายการทำฟันต่างๆเท่าที่สังเกต งานจัดฟันจะเป็นรายการที่คลินิกจะ “เล่นราคา” กันมากที่สุดเพราะเป็นบริการที่คนไข้ถามหาเยอะมาก แต่ ณ

จัดฟันตายแล้ว ….. เส้นทางอนาคตของคลินิกที่เน้นงานจัดฟัน

Posted on

หลังจากงานบรรยายที่ผ่านมา ฉลองครบรอบ 1  ปีเพจ/เวปไซด์ ธุรกิจทันตกรรม ผมได้พบว่าคุณหมอทุกท่านมีความตั้งใจในการเปิดคลินิกที่แน่วแน่ทีเดียว และหลายท่านก็ค่อนข้างเครียดกับสถานการณ์ที่มีคู่แข่งมากมาย (แต่ผมมองว่าการมีคู่แข่งก็มีข้อนะดีครับ) เพราะมันจะผลักดันให้เราเกิดการพัฒนาไปสู่การเป็นคลินิกที่ยอดเยี่ยม ผลประโยชน์ก็ย่อมจะตกอยู่แก่คนไข้ ได้มีโอกาสใช้บริการคลินิกทันตกรรมที่มีคุณภาพ และบริการได้อย่างน่าประทับใจ เราต้องขอบคุณสวรรค์ที่สร้างคู่แข่งมาให้เราเครียดครับ เพราะถ้าเราไม่มีคู่แข่ง เราก็คงไม่มีเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้น…….ใช่ไหมครับ   กลับมาที่หัวข้อ “จัดฟันตายแล้ว”   สิ่งที่ผมเห็นในช่วงปีที่ผ่านๆมา คลินิกทันตกรรมที่กำลังจะเปิดใหม่ล้วน “เน้น” การบริการทางด้านจัดฟันเป็นหลัก โดยวางแผนว่างานจัดฟันนี่แหละที่จะเป็นตัวทำรายได้หลักให้กับคลินิก Trend หรือความนิยมเปิดคลินิกลักษณะนี้ได้ดำเนินมาพักใหญ่แล้ว และมีหลายคลินิกที่ประสบความสำเร็จในแง่ของชื่อเสียงและรายได้สูงในเวลาสั้นๆเพราะวัยรุ่นคนไทยนิยมชมชอบจัดฟันมาก ซึ่งที่ผ่านมา Demand (จำนวนคนที่อยากจัดฟัน) มากกว่า

การตลาดบน Facebook ของคลินิกทันตกรรม ในยุคที่ Facebook ไม่รักคุณแล้ว

Posted on

เดือน กรกฎาคม 2016 เป็นต้นมาเจ้าของเพจต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพจขายของ เพจจัดอบรมสัมนา หรือแม้แต่เพจของคลินิกทันตกรรมต่างพบปรากฎการณ์ที่เหมือนกัน คือมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเพจ “น้อยลง” เพราะทาง Facebook ปรับการเข้าถึง (Reach) ของเพจต่างๆ โดยเฉพาะพวกเพจขายของให้เหลือ 0% มันแปลว่าอะไร ? แปลว่าการที่เจ้าของเพจนั้นโพสข้อความใดๆ อาจจะไม่มีใคร “เห็น” หรือ”เข้าถึง” เลย แม้แต่คนที่เคยกด like เพจนั้นมาแล้วก็ตาม แต่จะยังปรากฎอยู่สำหรับคนที่ตั้งค่าการมองเห็น ให้เห็น content จากเพจในลักษณะแจ้งเตือน เพราะฉะนั้น