เดือน กรกฎาคม 2016 เป็นต้นมาเจ้าของเพจต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพจขายของ เพจจัดอบรมสัมนา หรือแม้แต่เพจของคลินิกทันตกรรมต่างพบปรากฎการณ์ที่เหมือนกัน

คือมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเพจ “น้อยลง”

เพราะทาง Facebook ปรับการเข้าถึง (Reach) ของเพจต่างๆ โดยเฉพาะพวกเพจขายของให้เหลือ 0%

มันแปลว่าอะไร ?

แปลว่าการที่เจ้าของเพจนั้นโพสข้อความใดๆ อาจจะไม่มีใคร “เห็น” หรือ”เข้าถึง” เลย แม้แต่คนที่เคยกด like เพจนั้นมาแล้วก็ตาม

แต่จะยังปรากฎอยู่สำหรับคนที่ตั้งค่าการมองเห็น ให้เห็น content จากเพจในลักษณะแจ้งเตือน

เพราะฉะนั้น การที่คลินิกทันตกรรม เคยโพสโปรโมชั่น ความรู้การดูแลฟัน หรือ บทความใดๆก็ตาม จะแทบไม่มีใครเห็น และการ Viral หรือมองเห็นของคนอื่นๆ จะจำกัดก็ต่อเมื่อมีคนมากดแชร์เท่านั้น ซึ่งเดิมที การเกิด Viral จะสามารถเกิดได้จากการรุมกันกด like

การกด like ในทุกวันนี้แทบไม่ต่างจากการแสดงความรู้สึก เพราะไม่เกิดการส่งต่อของความสนใจ หรือขึ้น Newsfeed อีกต่อไป

จุดประสงค์ของ Facebook คือการลดการ Viral ของเพจที่ขายของหรือ Blog ต่างๆ เพราะหลังๆนี้ Facebook เริ่มเหมือนกระดานโพสขายของไปทุกที ซึ่งเต็มไปด้วยโฆษณาชวนเชื่อ โปรโมชั่น ข่าวบ้านการเมือง และอบรมสัมนา  มันเยอะเสียจน user หลายคนรำคาญ เพราะเอาจริงๆ user ส่วนมากเขาสนใจเหตุการณ์ของเพื่อน ว่าเพื่อนๆเขาทำอะไรบ้างและสนใจทำอะไร คนที่เล่น Facebook หลายคนรำคาญมากๆกับการที่มีอะไรที่ตนไม่ได้สนใจโผล่มาให้ดูใน Newsfeed หรือแม้แต่หน้า Wall  ซึ่ง Facebook ก็ตระหนักในจุดนี้เพราะเขาก็ย่อมต้องระวังอารมณ์คนที่เล่น Facebook

ต้องใส่ใจรักใคร่ user รายบุคคล มากกว่าเพจขายของหรือคลินิกทำฟัน……

เพราะถ้าขืนคนเริ่มทะยอยเลิกใช้ Facebook ไปใช้ Social media ประเภทอื่น…. Facebook ก็เจ๊งสิครับ

แล้วสำหรับผู้ที่ต้องการทำการตลาดบน Facebook เช่น คลินิกทันตกรรม จำเป็นจะต้องทำอย่างไร ?

ในความเห็นของผม เรายังสามารถใช้ประโยชน์จาก Facebook อยู่ แต่ไม่ควรถึงขั้นฝากชีวิต ผมมีคำแนะนำดังนี้

1. Content หรือ Post ใดๆ จะเกิด Viral จะต้องน่าสนใจจริงๆ หรือมีคุณค่าต่อผู้อ่านจริงๆ เพราะมันจะเกิดการส่งต่อเมื่อกดแชร์เท่านั้น เพราะฉะนั้นใครคิด Content ไม่เก่ง ถนัดแต่คิดโปรโมชั่นย่อมไม่สามารถใช้ประโยชน์ในส่วนนี้ได้
2. ถ้าต้องการให้เกิดการเข้าถึงอย่างแท้จริงและเห็นผลเร็วๆแรงๆ ก็ต้องใช้บริการ advertisement ของ Facebook คือยอมเสียเงินนั้นเอง ส่วนจะคุ้มหรือไม่ก็แล้วแต่ฝีมือการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาของสิ่งที่จะโปรโมตรวมถึงเงินถุงเงินถังหรืองบการตลาดของเรา
3. Facebook ให้ความสำคัญกับเพจน้อยมากเทียบกับ user รายคน เพราะ Value ของ Facebook คือคนใช้ ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้าหรือคลินิกทันตกรรม Facebook จึงลดการให้ความสำคัญลงไป เพราะฉะนั้นคลินิกทันตกรรมใดจะทำการตลาดหรือ Branding บน Internet จะต้องมองหาช่องทางอื่นควบคู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำเวปไซด์ มี Channel Youtube หรือ Social media ประเภทอื่นๆ ต้องกระจายความเสี่ยงออกไป อย่าฝากชีวิตไว้แค่ Facebook ในการทำการตลาดเพราะมันไม่ยั่งยืน
4. การทำการตลาดบน Facebook ก็คือการทำการตลาด Online รูปแบบหนึ่งเท่านั้น ยังมีการตลาด Offline อีกมากมายที่สามารถนำไปใช้ให้ได้ผล
5. Value ของคลินิกทันตกรรมอยู่ที่คุณภาพการบริการ ไม่ใช่ฝีมือหรือลีลาการโพส Facebook
6. สร้าง Word of mouth จริงๆ ที่ไม่ใช่แค่การใช้มุขให้คนมากดแชร์โพสในเพจ เพื่อแลกกับยาสีฟัน คูปอง หรือการฟอกสีฟันฟรี

สุดท้าย ทุกวันนี้เราใช้ประโยชน์จาก Facebook มามากพอแล้ว และถึงวันที่เราต้องตระหนักว่าช่วงเวลาดีๆที่ Viral กันกระจายแบบฟรีๆนั้นหมดไปแล้ว อะไรๆมันได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปมาก ถึงเวลาที่จะมานั่งทบทวนการทำการตลาด Offline และสร้าง Value ที่แท้จริงกันดีกว่าครับ

Facbook ไม่รัก ก็ต้องรักตัวเอง

ส่วนการทำการตลาด Offline นั้นติดตามได้ในเวปไซด์แห่งนี้ได้เรื่อยๆนะครับ